ทุกข์จากหัวใจ ก็ดับทุกข์ได้ด้วยใจ

แม้เจ็บปวดแทบใจสลายปานใดก็คงไม่มีประโยชน์อะไร   และน้ำตาก็ไม่ได้ช่วยให้เขากลับคืนมา สิ่งต่าง ๆ ที่สูญเสียไปก็ไม่สามารถกลับไปแก้ไขอะไรได้อีก

ไม่ว่าอย่างไรชีวิตก็ต้องก้าวต่อไป แม้ชีวิตไม่อาจกลับไปเหมือนเก่าได้  จงอดทนกับคืนเหงาที่หนาวใจไม่นานความปวดร้าวจะผ่านเลยไป  ปลุกปลอบใจให้ลุกขึ้นก้าวต่อไปในรุ่งอรุณวันใหม่   ไม่แน่ขณะที่กำลังก้าวไป  

ใครบางคนที่จริงใจก็กำลังก้าวเข้ามาเหมือนกัน  เพราะความทุกข์ที่มีอาจไม่ใช่เพราะเขาไม่เห็นค่าในตัวเรา แต่เป็นเพราะเราไม่เห็นสิ่งดี ๆ ในตนเอง

คำนิยม

การแสวงหา “ยา”  เพื่อรักษาโรคเป็นปกติธรรมดาของคนที่ป่วยไข้  แต่คนที่น่าชื่นชมกว่านั้นคือ “หมอ”  ที่พยายามหาวัตถุดิบต่างๆ  มาทดลอง  มาตรวจสอบ  ก่อนจะผลิตเป็นยาสำหรับแก้อาการป่วยไข้ได้ 

บางทีหมออาจต้องทดสอบยานั้นด้วยตัวเอง  แล้วเก็บเกี่ยวประสบการณ์เหล่านั้นมารักษาคนอื่นอีกที  พอเรามีหมอจึงไม่ต้องกลัวอาการป่วยอีกต่อไป   เช่นเดียวกับการรักษาโรคใจ  ที่ต้องอาศัย “ยา”  ที่ปรุงขึ้นจากประสบการณ์ชีวิตที่ผ่านมาด้วย 

และได้มอบเป็นข้อคิดเป็นกำลังใจฝากผ่านไปยังผู้กำลังป่วยคนอื่นๆ ได้ต่อไป ความรู้สึกนี้เกิดขึ้นเมื่อได้อ่าน “ทุกข์จากหัวใจ ก็ดับทุกข์ได้ด้วยใจ”  เพราะดูจะมียามากมายหลายขนานที่เคี่ยวด้วยประสบการณ์การเขียนของปอแก้วอีกที 

จึงเป็นอีกหนึ่งความหวังให้กับผู้กำลังป่วยใจด้วยเรื่องใดๆ อยู่ก็ตามได้แสวงหาไปเพิ่มพลังใจกัน ยิ่งในยามที่เราเหงาเพราะไร้ที่พึ่งพิงจิตใจ  ก็จะได้กลับมาสดเข้มแข็งอีกครั้ง  หรือรู้สึกเศร้าเสียใจ

เพราะสูญสิ้นความหวังและกำลังใจก็จะกลับมารู้สึกสดชื่นอีกหนเพื่อเอาชนะโรคใจนั้นให้ได้ ขอให้กำลังใจพระมหาประสิทธิ์  ญาณปฺปทีโป(แก้วศรี) ที่ได้รังสรรค์งานนี้ขึ้นมาด้วยความวิริยะอุตสาหะ  และเป็นกำลังใจให้กับผู้อ่านที่ไม่พลาดหยิบ “ยา” ดีนี้ไปใช้กัน

กิตติเมธี